ทุกสินค้าหรือบริการในหมวดหมู่เดียวกัน ย่อมมีสิ่งที่เหมือนและแตกต่างกันไม่มากก็น้อย เช่นเดียวกับโรงเรียนหรือสถาบันสอนภาษาอังกฤษในกรุงเทพฯ ที่มีเป็นจำนวนมาก แต่ละแห่งล้วนพยายามยกระดับ พัฒนา เพื่อสร้างความโดดเด่นในหลากมิติให้ฉีกออกไป วัตถุประสงค์ก็เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายผู้เรียนให้เข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์การเรียนรู้ภาษาสากลเป็นสำคัญ ซึ่งก็มีตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้เรียนว่า จะเลือกหรือปฏิเสธกันเลยทีเดียว
สารพัด ‘ชื่อ’ โรงเรียน/สถาบันสอนภาษา
เทคนิคการตั้งชื่อที่สำคัญ คือ ต้องสั้น กระชับ ได้ใจความ สื่อความหมายชัดเจน ทำนองเดียวกับ การตั้งชื่อของสถาบันสอนภาษาอังกฤษ มักจะใช้คำว่า โรงเรียน สถาน ศูนย์ภาษา หรือไม่ก็ สถาบัน นำหน้า หากเป็นชื่ออังกฤษ คำหลักๆ ที่ใช้ ก็จะอยู่ในแนว School, Center, Institute, Language รวมถึง English รวมเข้าไปในชื่อสถาบัน ส่วนกลุ่มโรงเรียนสอนภาษาข้ามชาติที่มีเครือข่ายทั่วโลก ดูจะใช้ชื่อแบรนด์ระดับสากลแบบโดดๆ แต่ผู้สนใจเรียนจำนวนไม่น้อย ก็สามารถรับรู้ได้โดยพลันว่าเป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ
‘ครูผู้สอน’ คนไทยหรือเจ้าของภาษา
ครูผู้สอนในสถาบันสอนภาษาอังกฤษโดยทั่วไป จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก กลุ่มแรก ครูไทยล้วนๆ ที่ศึกษา เรียนรู้ศาสตร์ภาษาอังกฤษรอบด้านอย่างลึกซึ้ง จึงสามารถเปิดโรงเรียนสอนภาษาสัญชาติไทยหัวใจอินเตอร์ กลุ่มต่อมา ผสมผสานทั้งครูไทยและครูนานาชาติ เอเชีย ยุโรป และอเมริกัน ครบหมด และ กลุ่มสุดท้าย เป็นทีมคณาจารย์นำเข้า เจ้าของภาษาชาวอเมริกัน อังกฤษ หรือกลุ่มประเทศในเครือสหราชอาณาจักร เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่างแท้จริง
‘นวัตกรรมใหม่’ การเรียนการสอน
นวัตกรรม คือ การสร้างสรรค์สิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นใหม่ หรือปรับประยุกต์ เปลี่ยนรูปแบบ วิธีการจากของเดิม แล้วนำเสนอใหม่ ก็ถือว่าอยู่ในข่ายเช่นกัน สถาบันสอนภาษาอังกฤษหลายแห่ง ที่สั่งสมองค์ความรู้มานาน ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก สะท้อนจากการชูนวัตกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแนวใหม่ ที่สามารถเพิ่มทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ให้กับคนทั้งโลกได้แบบเห็นผล หรือไม่ก็คิดค้นนวัตกรรมสำหรับผู้เรียนคนไทยเป็นการเฉพาะ
‘คอร์สเรียน’ หลากหลาย ครอบคลุม
หลักสูตรหรือคอร์สเรียนภาษาอังกฤษของสถาบันสอนภาษา ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงศักยภาพความพร้อมของแต่ละแห่ง เนื่องจากความต้องการของผู้เรียนแต่ละคนไม่เหมือนกัน เด็กประถม มัธยม มหาวิทยาลัย ความสนใจใคร่รู้ หรือแรงปรารถนาก็แตกต่าง พนักงาน ผู้บริหาร หรือเจ้าของกิจการ ระดับความเข้มข้นก็ไม่เท่ากัน แม้แต่ผู้ต้องการจะไปศึกษาต่อหรือทำงานยังต่างประเทศ ทักษะที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละด้าน ก็ไม่เหมือนกัน หลากหลายความต้องการเหล่านี้ สถาบันสอนภาษา มีคอร์สเรียนรองรับมากน้อยเพียงใด
อัตรา ‘ค่าเรียน’ ตัวแปรสำคัญ
จริงอยู่ที่การลงทุนเรื่องการศึกษา โดยเฉพาะการเรียนภาษาอังกฤษ รีเทิร์นที่สะท้อนย้อนกลับย่อมเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากกว่าสูญเปล่า อย่างน้อยมีอีกหนึ่งอาวุธติดตัว ก็มีโอกาสที่สร้างรายรับเพิ่มได้ในอนาคต แต่ก็อีกนั่นแหละ ความพร้อมทางการเงินของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ใครบางคนอาจจะลดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นลง เพื่อมาเติมเต็มให้กับเรื่องนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่กับใครอีกหลายคนก็ไม่สามารถจะทำเช่นนี้ได้ ยิ่งหากเจอเข้ากับคอร์สเรียนในระดับหลายหมื่นหลายแสน ก็คงต้องคิดหนักอีกหลายๆ รอบเป็นแน่
ทุกเรื่องข้างต้น ล้วนเป็นตัวแปรต่อการตัดสินใจของผู้เรียน มากบ้าง น้อยบ้าง หรืออาจมีปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม มีคนแนะนำ ไปเรียนตามเพื่อน หรือถูกจูงใจด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ฯลฯ
ความต่างในความเหมือนเหล่านี้ จึงเป็นสิ่งที่สถาบันสอนภาษา ไม่ควรมองข้ามหรือละเลย